ชวนรู้จัก ‘ซีเซียม-137’ สารกัมมันตรังสี สุดอันตรายที่หายออกจากโรงไฟฟ้า ใช้ทำอะไร-คร่าชีวิตคนได้จริงหรือ ทำไมต้องตามหากันวุ่น
เป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจ สำหรับกรณีท่อบรรจุสาร “ซีเซียม-137” หรือ “Cs-137” หายเป็นปริศนาจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ จ.ปราจีนบุรี โดยเกรงว่าหากมีผู้สัมผัสอาจเกิดอันตรายได้ พร้อมตั้งรางวัลนำจับไว้ 50,000 บาท สำหรับผู้ชี้เบาะแสนำไปสู่การติดตามวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 กลับคืนมาได้ วันนี้ทีมข่าวสดขอพาทุกคนมาทำความรู้จักซีเซียม-137กัน
ซีเซียม-137 (Caesium-137) คืออะไร
ซีเซียม-137 คือ สารไอโซโทปของซีเซียมซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีที่มีเลขอะตอมเท่ากับ 55 มีครึ่งชีวิต 30 ปี จาก 300 ปี สลายโดยปล่อยรังสีบีตาและรังสีแกมมา เป็นหนึ่งในผลผลิตการแบ่งแยกนิวเคลียส นอกจากนี้ซีเซียม-137 ยังเป็นสารก่อมะเร็ง
ประโยชน์ของซีเซียม-137
ซีเซียม-137 มีประโยชน์อย่างมากในด้านอุตสาหกรรม เนื่องจากมีความแรงรังสีสูง มีเครื่องมือมากมายที่ใช้ซีเซียม-137 อาทิ
-เครื่องวัดความชื้นและความหนาแน่น ที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
-เครื่องวัดระดับ เพื่อตรวจวัดการไหลของของเหลวในท่อและแทงก์
-เครื่องวัดความหนา สำหรับวัดความหนาของแผ่นโลหะ กระดาษ ฟิล์ม และอื่น ๆ
-เครื่องหยั่งธรณี ในอุตสาหกรรมขุดเจาะ เพื่อช่วยบอกลักษณะเฉพาะของชั้นหินต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังใช้ในทางการแพทย์ โดยใช้บำบัดมะเร็ง ใช้เป็นต้นกำเนิดรังสีแกมมา
ซีเซียม-137 เข้าสู่สิ่งแวดล้อมได้อย่างไร?
ซีเซียม-137 ในสิ่งแวดล้อมมาจากต้นกำเนิดหลายชนิด แต่ที่ใหญ่ที่สุดและมาจากต้นกำเนิดเดียวคือ ฝุ่นกัมมันตรังสี (Fallout) จากการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในบรรยากาศ ในช่วงปีพ.ศ. 2490 และ 2500 ทำให้มีการกระจายและการสะสมของซีเซียม-137ไปทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามซีเซียม-137จำนวนดังกล่าวได้สลายตัวไปมากกว่า 1 ครึ่งชีวิตแล้ว
นอกจากนี้ กากและอุบัติเหตุจากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์สามารถปล่อยซีเซียม-137 ได้เช่นกัน เช่น อุบัติเหตุที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ในยูเครน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพในระดับสูง
สำหรับประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์ซีเซียม-137หาย ย้อนกลับไปเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2543 มีคนเก็บเอาแท่งโคบอลต์-60 ที่ใช้ในเครื่องฉายรังสีทางการแพทย์ที่เสื่อมสภาพและถูกทิ้งไว้ในบริเวณลานจอดรถเก่าไปขายให้ร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งแท่งนี้ถูกนำมาแยกชิ้นส่วนจนทำให้กัมมันตรังสีข้างในแผ่ออกมา มีผู้บาดเจ็บรุนแรงถึง 12 คน
เชอร์โนบิล ภาพจาก REUTERS/Gleb Garanich
ซีเซียม-137 เข้าสู่ร่างกายคนเราได้อย่างไร
เราอาจได้รับซีเซียม-137 จากการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือสูดดมฝุ่น ถ้าซีเซียม-137เข้าสู่ร่างกายจะกระจายตัวไปทั่วร่างกาย เมื่อเทียบเวลาตกค้างของซีเซียม-137 กับสารกัมมันตรังสีตัวอื่น ซีเซียม-137 มีเวลาสั้นมากและจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ
หากได้รับซีเซียม-137 ควรรับประทานปรัสเซียนบลู (Prussian blue) ซึ่งเป็นสารให้สีน้ำเงินและไม่เป็นพิษ มีการประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์คือ เป็นยาต้านพิษไอโซโทปรังสีของซีเซียมและแทลเลียม และใช้ย้อมสีเนื้อเยื่อเพื่อดูการสะสมของธาตุเหล็ก
สีปรัสเซียนบลู (Prussian blue) และแคปซูลบรรจ Prussian blue ชื่อ RADIOGARDASE
ความเสี่ยงต่อสุขภาพ หากได้รับซีเซียม-137 เข้าสู่ร่างกาย
เพิ่มอัตราการเสี่ยงเป็นมะเร็ง ปกติเราจะได้รับรังสีซีเซียม-137 ในปริมาณที่น้อยมาก แต่หากได้รับรังสีจากกากกัมมันตรังสีในบริเวณที่เปรอะเปื้อน หรือจากอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ สามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงมะเร็งสูง
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย บางส่วนจะถูกขับออกทางเหงื่อและปัสสาวะ บางส่วนจะตกค้างและสะสมในกล้ามเนื้อ ตับ ไขกระดูก หากได้รับในปริมาณมาก หรือเป็นเวลานาน ทำให้เกิดความผิดปกติในระดับโครโมโซมหรือพันธุกรรม
หากสัมผัสวัสดุกัมมันตรังสีโดยตรง ผู้สัมผัสจะเกิดผื่นแดง หรือเป็นแผลไหม้บริเวณที่สัมผัสวัสดุ หากได้รับในปริมาณรังสีสูงมาก ๆ จะทำให้เกิดการไหม้ของผิวหนังอย่างรุนแรง อาจส่งผลถึงชีวิตได้
สำหรับกรณีท่อบรรจุสารซีเซียม-137 ที่หายไปจากโรงงานจ.ปราจีนบุรี เป็นวัสดุกัมมันตรังสีที่มีตะกั่วปกป้องอยู่ชั้นในและห่อหุ้มด้วยเหล็ก วัสดุกัมมันตรังสีจะอยู่ในชั้นในสุด หากยังอยู่ในสภาพเดิมจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม
แต่หากมีการถอดประกอบ หรือชำแหละเครื่องกำบัง จนทำให้วัสดุกัมมันตรังสีมีลักษณะเปลือยเปล่า จะมีรัศมีการแผ่รังสีออกจากวัสดุกัมมันตรังสีประมาณไม่เกิน 1-2 เมตร และหากมีการผ่าท่อรังสี จะทำให้ผิวหนังของผู้ที่สัมผัสเนื้อเน่าเปื่อยภายใน 3 วัน
ท่อบรรจุสารซีเซียม-137ที่หายไป
Kommentare